7 weeks to Berlin Marathon: คุณควรมีโค้ชหรือไม่?
ในช่วงเวลานั้นผมไม่สามารถซ้อมด้วยตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว และผมต้องการคำแนะนำจากคนที่เชียวชาญเพื่อช่วยให้ผมซ้อมต่อไปได้ ไม่ง่ายเลยที่ต้องเปลี่ยนจากคนที่เคยซ้อมเองมาตลอด เปลี่ยนมาเป็นซ้อมตามคำแนะนำของคนอื่น แต่ผมก็พยายามตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นผมคงต้องเลิกเล่นกีฬาแบบถาวร
7 weeks to Berlin Marathon: คุณควรมีโค้ชหรือไม่?
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาผมวิ่งไป 82 กม และก็ยังรู้สึกดีและมีความสุขอยู่ หลังจากที่ต้องลดปริมาณการวิ่งเหลือเพียง 50 กม ต่อ สัปดาห์ไปสองสัปดาห์ติดกัน ในที่สุดในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา ผมก็สามารถขยับปริมาณการวิ่งของตัวเองขึ้นไปได้เกิน 80 กม
ถึงแม้การวิ่งเป็นกีฬาที่ผมรักแต่ผมก็ยังไม่รู้สึกว่าผมทำมันได้ดีเท่าไรนัก ในปีนี้หลังจากที่ผมตัดสินใจหยุดการซ้อมไตรกีฬาเพื่อมาซ้อมวิ่งมาราธอนอย่างเดียว ผมจึงตัดสินใจที่จะร่วมงานกับโค้ชคนใหม่ซึ่งเป็นนักวิ่งมาราธอนที่เคยทำเวลาได้ตำ่กว่า 2.30 ชั่วโมง
การร่วมงานกับโค้ชคนใหม่ ผมไม่รู้เลยว่าจะต้องซ้อมไปในรูปแบบไหน และการซ้อมจะเป็นอย่างไร แต่ผมคิดและตั้งใจว่าจะพยายามเรียนรู้จากเค้าให้มากที่สุด การต้องซ้อมวิ่งสัปดาห์ละ 80-100 กิโลเมตร เป็นเรื่องที่ผมยังไม่ชินและต้องการแรงผลักจากคนอื่นมากพอสมควร ผมจึงคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าถ้ามีคนที่เราสามารถปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องการซ้อมและการแข่งได้ในช่วงเวลานี้
ซ้อมอะไรบ้าง? (Training plan by Suthut Kanlayanakitti)
Mon:Easy run 7 km
Tue: 12 km speed session (2km & 1 km repeats)
Wed: 12 km include 8 km tempo
Thu: 15 km mid long run
Fri: rest
Sat:6 km easy run + Leg circuit
Sun: Long run 30 km
Total 82 km
รู้สึกอย่างไร ?
ครั้งสุดท้ายที่ต้องซ้อมวิ่งในปริมาณขนาดนี้ คือ ช่วงที่ซ้อมเพื่อไปแข่ง มอสโคว์มาราธอน 2018 โดยส่วนตัวผมชอบการวิ่งมาก แต่ถึงตอนนี้ผมยังคงนึกภาพตัวเองไม่ออกหากต้องวิ่งเกิน 100 กิโลเมตร ต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์
ด้วยลักษณะนิสัยของผมที่ชอบการซ้อมคนเดียวมากกว่าซ้อมเป็นทีม ผมจึงพยายามหาและร่วมงานกับโค้ชที่มีประสบการณ์ในการวิ่งระยะไกลที่ผมสามารถพูดคุยได้ในช่วงที่ผมซ้อมเพื่อลงมาราธอน
สิ่งที่คุณนำไปปรับใช้ได้
อะไรคือเป้าหมายหลักในการซ้อมและแข่งสำหรับคุณ ? คำถามนี้คือคำถามที่สำคัญที่สุดที่คุณควรตอบตัวเองให้ได้ก่อนเริ่มเตรียมตัวเพื่อลงแข่ง ถ้าเป้าหมายหลักของคุณคือลงแข่งเพื่อร่วม และ จบการแข่ง รวมถึง สนุกกับการแข่ง คุณไม่จำเป็นต้องมีโค้ชก็ได้ อย่างไรก็ตามผมยังคงเชื่อว่าการจะพัฒนาหรือก้าวไปข้างหน้าในการเล่นกีฬานั้น คุณควรจะมีโค้ชหรืออย่างน้อยที่สุดมีคนที่มีประสบการณ์ในกีฬานั้นๆ คอยช่วยดูแล, วางแผนการซ้อมและแข่งให้กับคุณ
การจะมีหรือไม่มีโค้ชนั้น เป็นทางเลือกและการตัดสินใจของคุณเอง สำหรับตัวผมเอง ผมเคยซ้อมด้วยตัวเองมามากกว่า 10 ปี และก็มีความสุขดี จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุจักรยานที่ทำให้ผมเกือบเลิกเล่นกีฬา
ในช่วงเวลานั้นผมไม่สามารถซ้อมด้วยตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว และผมต้องการคำแนะนำจากคนที่เชียวชาญเพื่อช่วยให้ผมซ้อมต่อไปได้ ไม่ง่ายเลยที่ต้องเปลี่ยนจากคนที่เคยซ้อมเองมาตลอด เปลี่ยนมาเป็นซ้อมตามคำแนะนำของคนอื่น แต่ผมก็พยายามตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นผมคงต้องเลิกเล่นกีฬาแบบถาวร
โค้ชที่ผมเคยร่วมงานด้วยคนหนึ่ง (Simon Agoston) เคยถามผมว่าคุณรู้มั้ยว่าทำไม การมีโค้ชถึงดีกว่าซ้อมเอง และนี่คือคำตอบของเค้าครับ
"อย่างน้อยที่สุด มีคนๆหนึ่ง ที่คอยดูและวิเคราะห์ผมการซ้อมการแข่งของคุณ เพื่อนำไปใช้เขียนตารางซ้อมให้คุณสามารถซ้อมได้ดีที่สุด"
หลังจากอ่าน Blog นี้จบคุณอาจลองถามตัวเองอีกครั้งนะครับว่า "คุณควรมีโค้ชหรือไม่"
TCtriathlon
click here to read more of TCtriathlon's blog
click here to subscribe and get a FREE 16 weeks marathon training plan
TC Triathlon
Subscribe, like and share for more useful articles, photos and videos.